แม้จะเข้าสู่หน้าหนาวมาเป็นเดือนแล้วแต่กรุงเทพยังไม่หนาวเลย จนกระทั่งเมื่อวานนี้ 6 ธันวาคม 2558 เราก็รู้สึกได้ถึงลมหนาว

ในที่สุดก็หนาว(แม้จะหนาวแค่ไม่กี่วันก็ตามที) ทันทีที่รู้สึกได้ถึงความเย็นของฤดูหนาว ก็ทำให้นึกถึงบ้าน นึกถึงกองไฟที่ตาและยายมักจะก่อไว้ ไม่หน้าบ้านก็ต้องหลังบ้าน

จำได้ว่าตอนประถมต้น ตื่นมาในตอนเช้าที่อากาศหนาวเย็น เดินออกมาหน้าบ้าน แสงแดดส่องลงมาผ่านร่มเงาของต้นไม้มากระทบกับไอหมอกทำให้เห็นเป็นลำแสงชัดเจน ที่สำคัญคือมันหนาวมาก หนาวจนควันออกปากเลยนะ

เราเดินไปหากองไฟหน้าบ้าน ยายจี่ “ข้าวจี่” ให้กิน ซึ่งข้าวจี่คือการเอาข้าวเหนียวมาปั้นและโรยเกลือเล็กน้อย มาย่างบนไฟ จนพื้นผิวโดยรอบกรอบ(มากหรือน้อยแล้วแต่ความชอบ) ทำให้เวลากินมันจะมีกลิ่นหอมของข้าวที่โดนความร้อน ผสมกับขี้ฟันในปากเพราะยังไม่ได้แปรงก็รสชาติดีไปอีกแบบ แต่ถ้าจะให้ล้ำไปกว่านั้นคือการเอาไข่ดิบมาตีจนเข้ากัน และเอามาทารอบนอก ก็จะทำให้ ข้าวจี่ ดูแพงขึ้นไปอีก

เรื่องที่เล่าให้ฟัง ก็เกือบๆ 20 ปีแล้วนะ ตอนนี้ยายไม่อยู่แล้ว ตาก็ไม่อยู่แล้ว แม้ตอนเด็กๆ จะทะเลาะกับตาบ่อยๆ แต่พอกลับมานึกย้อนกลับไปก็คิดถึง ถ้าตากับยายยังอยู่ก็คงดีเนอะ

แต่แม้ตากับยายจะไม่อยู่แล้ว ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะอย่างน้อยๆเวลาที่นึกถึง หรือคิดถึง ก็เห็นเรื่องดีบ่อยๆ และยังรู้สึกดีอยู่เลย เหมือนกับว่ายายเพิ่งทาขมิ้นผสมน้ำมะกรูดจนเหลืองทั้งตัวเมื่อวานนี้เอง ยังจำความแสบได้อยู่เลย ฮาฮา

คิดถึงตากับยายนะ