ณ โอซากะ 06.40 น. เราก็เดินทางถึงบ้านเกิดเมืองนอน ของ อิคคิวซัง เมื่อมาถึงสนามบินแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือการ ผ่านตม. แม้สนามบินที่โอซากะจะใหญ่โต และต้องขึ้นรถไฟฟ้า เพื่อผ่านตม. ไม่ต้องกังวล ไม่ได้ยากเย็นอะไร เดินๆตามป้ายบอกทางไป หรือตามคนเยอะๆไปนั่นแหละ

สำหรับ การผ่าน ตม. ประเทศญี่ปุ่น ที่คนไทยมาทำชื่อเสียงไว้พอตัว ในใจก็แอบคิดนะว่าเราแต่งตัวไม่ค่อยสุภาพหรือเป็นทางการเท่าไหร่นัก อาจจะทำให้มีปัญหาได้ แต่ด้วยความมั่นโหนก มั่นหน้า ว่าดูแพง ดูมีสกุล ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แล้วเชื่อมั้ยว่าพอไปยืนตรงหน้าเจ้าที่ ตม. จริงๆ ชั่วเวลายังไม่ได้จะได้หายใจเต็มปอดก็เรียบร้อย ผ่านฉลุย หาได้มีอะไรติดขัดไม่

เลยได้ข้อสรุปแบบคิดไปเองว่า การผ่าน ตม. นั้นไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเราไม่ได้ทำผิดจะกลัวอะไร (ประโยคนี้คุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน) ดังนั้น ไม่ต้องกลัวแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรเตรียมเอกสารการเดินทางต่างๆให้พร้อม เมื่อต้องเดินทาง อย่างน้อยๆก็ทำให้เราอุ่นใจว่าหากเกิดปัญหาจริงๆ เราก็สามารถที่จะโต้แย้งได้

ส่วนตัวเตรียมพาสปอร์ตเล่มเก่าไปด้วย ซึ่งแม้จะไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศบ่อย แต่ก็พอมีประวัติที่น่าจะน่าไว้ใจได้อยู่

และแผนการณ์สำหรับ โอซากะของเราในวันแรกคือ… Universal Japan และ ช้อปปิ้งที่ย่าน ShinSaiBaShi

Universal Japan

จริงๆ Universal เราเคยไปกันมาแล้วที่สิงคโปร์ แต่ที่พิเศษกว่าที่สิงคโปร์ก็คือ โซนที่เปิดใหม่ของ Universal Japan แห่งนี้

นั่นก็คือ โซน The Wizarding World of Harry Potter

การซื้อบัตร USJ หรือ Universal Japan แนะนำให้ซื้อจากที่ไทย ผ่านตัวแทนต่างๆ เยอะแยะ เพราะหากไม่ซื้อที่หน้าสวนสนุก คิวยาว ไปอีีก และหากใครมีงบ ก็แนะนำซื้อ Express Pass ซึ่งข้อดีคือจะมีช่องพิเศษสำหรับคนกลุ่มนี้อยู่ จ่ายแพงกว่าราคาปกติ แจ่ก้ได้เล่นเร็วกว่าคนอื่นเค้า แต่ช้าก่อน ไอ้บัตร Express เนี่ยเค้ามีจำกัดนะว่า เล่นได้กี่อย่างอะไรบ้าง ดังนั้นก่อนซื้อก็พิจารณา ดูข้างขึ้นข้างแรม ทดสอบความเป็นกรดด่างก่อนทำการซื้อ เอาที่สบายใจและสะดวกกระเป๋าของคุณๆกันเอง

สำหรับเราหน่ะหรอ Express Pass อย่าได้หวังได้เงินจากเรา (เอาจริงๆคือ เก็ยตังไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า 55) เพราะเราไม่ได้หวังว่าจะได้เล่นเยอะอยู่แล้ว เน้นแค่ Harry Potter ก็พอ

รีวิวเครื่องเล่น Harry Potter and the Forbidden Journey? in 4K3D

เครื่องเล่นที่นั่งทีละ 4 คน เป็นการนำเอาเทคนิค ภาพสามมิติ รวมเข้ากับการขยับของเครื่องเล่น และความคมชัดระดับ 4K ของการรับชม ทำให้มีความสมจริงอย่างมาก ฉากตกจากที่สูงที่เหมือนว่าตกลงมาจริงๆ ฉากเล่นควิดดิช ก็เหมือนขี่ไม้กวาดอยู่จริงๆ โดยรวมถือว่ายอดเยี่ยม และคุ้มค่าแก่การรอคอยจริงๆ (ต่อคิวเกือบ 2 ชั่วโมง)

รีวิวเครื่องเล่น Flight of the Hippogriff?

จิ๋วแต่แจ๋ว รอคิวไม่นาน แถมยังสนุกอีกด้วย บอกแค่นี้ละกันเพราะบอกหมดเดี๋ยวไม่สนุกกันพอดีเนอะ

ส่วนเครื่องเล่นอื่นๆ ก็ไปลองเล่นกันเองละกันนะ มาเรื่องที่ประทับใจใน USJ ดีกว่า ไปคราวนี้มีโอกาสได้ชมขบวนพาเหรด พอดิบพอดี และก็รู้สึกชอบมากๆ เพราะว่า เค้าแสดงกันสนุกสนาน เค้าที่เข้าไปใน USJ ก็เป็นพวกเด็กๆ หรือไม่ก็สาวๆไง แล้วพอมีการแสดงอะไรคนก็จะกรี๊ดกร๊าด หรืออาจจะเพราะเป็นญี่ปุ่นด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้ รู้สึกได้ว่าทุกคนอินมากๆ เค้าบอกให้เต้นก็เต้นกัน บางคนถึงกับร้องเพลงธีมของ USJ ได้เลยทีเดียว แต่มันก็สนุกจริงๆ เรายังแอบเผลอกระโดดตามเลย

เพราะนอกจากความสนุกแล้ว อีกความรู้สึกที่ได้คือ รู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ได้อยู่กับตัวการ์ตูน มีเพลงเปิดดังๆ มีคนร้อง คนเต้นอยู่รอบๆ มีของเล่น มีเอฟเฟค ต่างๆนาๆ มันเป็นความรู้สึกที่ว่า ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ เมื่อมาอยู่ตรงนี้ทุกคนดูเด็กกันไปหมดเลย ทำอะไรก็ได้ที่อยากจะทำ

นอกจากนั้นที่นี่ยังมีไททันในกำแพงด้วยนะ

ภาพข้างล่างคือต้นฉบับในการ์ตูน

เราใช้เวลาที่ USJ นานอยู่พอควร พอเริ่มตกเย็นประมาณ 4-5 โมงย็นเราก็ออกจาก USJ แล้วมุ่งหน้ามาที่ ถนน Dotonbori สาเหตุการมาจุดนี้คือ ตรงนี้เป็นทั้งย่านของกินและก็มีของให้ช้อปปิ้งมากมาย พวกเราเองก็มาหาข้างเย็นกินกันที่นี่

และเราก็เลือกร้านได้แล้ว เป็นร้านอยู่ใจกลางย่านนี้ มองเมนูแล้วก็สั่งข้าวหน้าปลาไหล สั่งปุ๊ป โอ้โห มีผ้าเปียกอุ่นๆมาบริการ ให้ได้เช็ดไม้เช็ดมือ เอาน้ำมาเสิร์ฟ จากนั้นก็ได้ข้าวหน้าปลาไหลหน้าตาแบบนี้

รสชาติ ไม่ค่อยอร่อย หรือเราอาจจะไม่ชอบก็ได้ มันแหยะๆ หยึยๆ แต่ก็พอแหลกได้ พอกินเสร็จ ก็คิดตัง ข้าหน้าปลาไหล 1,500 เยน เรานึกว่าจะราคานี้เลยตามเมนูที่ไหนได้ มีชาร์ตค่าผ้าอุ่น ค่าน้ำดื่ม ค่าบริการ ค่าภาษี โดยที่ไม่มีเขียนบอกในเมนู ด้วยความว่าไม่อยากโดนมองแรงเหมือนข่าวต่าชาติมาทานอาหารที่ไทยแล้วไม่ยอมจ่ายตังไงก็เลยยอมๆไป แต่จะไม่มีครั้งที่ 2 แน่นอนชิส์

หลังกินข้าวแล้วก็กลับโรงแรมพักผ่อน นอนหลับ

จบวันแรก

universal studio japan