อยากเลิกนับถือศาสนา

จริงๆเรื่องนี้คิดมานานแล้ว น่าจะเกือบปีได้แล้วว่าไม่อยากมีศาสนา ไม่ใช่ว่าศาสนาพุทธที่นับถืออยู่เดิมไม่ดีนะ แต่เพราะว่าในศาสนาพุทธที่คนส่วนใหญ่ในประเทศนี้เข้าใจ มันดันไม่สอดคล้องกับมุมมองที่เรามี

เอาแค่เรื่องทั่วไปที่เห็นกันได้ง่ายๆ คือเรื่องทำบุญ สมัยเด็กๆเราถูกสอนว่าต้องทำบุญ เหตุผล นั่น นู่น นี่ ตอนเด็กๆเราก็ซึมซับเรียนรู้ และไม่ได้คิดอะไร รู้เพียงแต่ว่าทำบุญเป็นเรื่องที่ดี เราเป็นชาวพุทธ เราควรต้องทำบุญ

แต่พอเราโตมา เราเจออะไรหลายๆอย่าง เราเริ่มรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ดูย้อนแย้งกัน ปัจจุบันเวลาเข้าวัดที่มีชื่อเสียง โด่งดัง เราจะเห็นข้อความชวนทำบุญแปลกๆ โดยเฉพาะไอ้พวก ทำบุญแล้วจะรวยเนี่ย น่าสมเพชที่สุด

สงฆ์ ในวัดลืมไปหมดแล้วหรือไงว่าแก่นสารของศาสนาพุทธคืออะไร? ทำไมปล่อยให้มีการกระทำอะไรแบบนี้

เราเห็นคนมากมาย ด่า ธรรมกาย อย่างนั้น อย่างนี้ ?ว่านอกรีตบ้าง ว่าอลัชชีบ้าง ว่าบิดเบือนศาสนาบ้าง แต่คนกลุ่มเดียวกันนี่แหละ ไปขอหวย ขอให้รวย กับพระอิฐ พระปูน ที่ถูกต่อเติมเรื่องราวสร้างความขลังด้วย เรื่องเล่าต่างๆนาๆ

ผมรู้สึกแปลกใจที่เห็นคนเอาเงินไปบริจาคให้วัดมากมาย เพื่อหวังจะได้บุญ บุญที่จับต้องไม่ได้ บุญที่สัมผัสไม่ได้ รู้สึกได้อย่างเดียวคือ สบายใจว่าได้ทำบุญ ซึ่งผมมองว่า พระพุทธรูปไม่เคยต้องการเงินเลย แต่ผู้คนที่อดอยาก เด็กกำพร้า เด็กด้อยโอกาสทางการศึกษา ต่างหากที่ต้องการเงินเหล่านี้ ทำให้หลังๆมานี้ผมไม่คิดจะใช้เงินตัวเองไปบริจาคตามตู้ต่างๆในวัด ใหญ่ๆ

และอีกอย่างคือ ศาสนาในทุกวันนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองรูปแบบหนึ่งของชนชั้นปกครอง มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้คนจนไปไล่ฆ่าคนรวย

ศาสนาในปัจจุบันไม่เน้นความเข้าใจหรือการปฏิบัติ

แต่กลับไปเชิดชูพิธีกรรมต่างๆ

แก้กรรม แก้บน สะเดาะห์เคราะห์ เซียงซี ให้หวย ดูดวง รักษาโรค ไล่ผี สื่อสารกับวิญญาณ เดินทางไปนรก คือสิ่งที่พระทุกวันนี้อ้างว่าทำได้

แล้วถามหน่อยเป็นซะแบบนี้ใครจะไปนับถือลง สู้ไม่นับศาสนา เอาแค่คำสอนที่ดีมาปรับใช้ ก็พอ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้กับตัวเองได้เรียนรู้แนวทางของศาสนาอื่นๆ มากขึ้น รวมไปถึงรู้จักที่จะนับถือตัวเอง มากกว่าสิ่งอื่นๆ ยอมรับผลในการกระทำมากกว่าโทษว่าโชคชะตาเป็นคนกำหนด

เข้าใจและเห็นสิ่งที่เป็นไปบนโลก ไม่ใช่ตามความเชื่อหรือคำบอกเล่า ให้อิสระทางความคิด ให้ความเป็นเหตุเป็นผล โดยไม่มีกรอบ