คอล มี บาย ยัวร์ เนม (อังกฤษ: Call Me By Your Name; “เรียกฉันด้วยชื่อของเธอ”) เข้าฉายในปี 2017 เป็นภาพยนต์แนวดราม่า, โรแมนติก, และ coming-of-age กำกับโดย ลูกา กวาดาญีโน และเขียนบทโดย เจมส์ ไอวอรี่ เนื้อเรื่องอิงจากนวนิยาย คอล มี บาย ยัวร์ เนม ที่แต่งโดย André Aciman ภาพยนตร์นำเสนอในฉากของประเทศอิตาลีทางตอนเหนือในช่วงปี ค.ศ. 1983 เรื่องราวความสัมพันธ์ระหร่าง เอลิโอ เพิร์ลแมน (ไทโมธี ชาลาเม็ต) เด็กหนุ่มอายุ 17 ปี ชาวอิตาลี และโอลิเวอร์ (อาร์มี แฮมเมอร์) ชายอเมริกันอายุ 24 ปี ซึ่งเป็นผู้ช่วยด้านโบราณคดีของพ่อเอลิโอ

ภาพยนตร์ได้รับการเผยแพร่โดยบริษัทโซนี่พิคเจอร์สคลาสสิค ก่อนที่จะเข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ ประจำปี ค.ศ. 2017 ในวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 2017 ภาพยนตร์ได้เริ่มฉายรอบพิเศษในสหรัฐในวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 2017 และเข้าฉายทั่วสหรัฐในวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 2018 คอล มี บาย ยัวร์ เนมได้รับรางวัลมากมาย ทั้งคำชื่นชมในด้านการดำเนินเรื่อง บทภาพยนตร์ การกำกับการแสดง และเพลงประกอบ คอล มี บาย ยัวร์ เนมได้รับรางวัลออสการ์ สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 90 อีกทั้งยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และสาขาเพลงนำยอดเยี่ยม ในด้านบทภาพยนตร์เจมส์ ไอวอรี่ ได้รับรางวัลคริติกส์ชอยส์มูฟวี่อวอร์ด ครั้งที่ 23, รางวัลสมาคมนักเขียนแห่งอเมริกา ครั้งที่ 70 และรางวัลแบฟตา ครั้งที่ 71 สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ในส่วนของไทโมธี ชาลาเม็ตก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในรางวัลแบฟตา, รางวัลลูกโลกทองคำ, รางวัลสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ และคริติกส์ชอยส์มูฟวี่อวอร์ด สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

รีวิว

นี่คือหนังที่สมควรเต็งจ๋าออสก้าร์ที่แท้ทรู คือกระแสแรงมากตั้งแต่ที่ฉายที่ เทศกาลซันแดนซ์ ถึงขนาดว่าถูกยกให้เป็น หนึ่งในหนังที่ดีที่สุดของเทศกาล และกระแสดีกว่า Dunkirk

คือหลังจากดูจบคือดีมาก อิมแพคมาก มีมิติมาก ภาพสวยมาก coming-of-age มาก คือหนังดีมากจริง Mood And Tone ก็ดีมาก ไปในทางเดียวกัน

ที่ชอบที่สุดคือ ตัวละครหลัก เอลิโอ เพิร์ลแมน (ไทโมธี ชาลาเม็ต) เป็นตัวละครที่มี สเน่ห์ มีมิติ น่าค้นหา มีความลุ่มหลง หมกมุ่น ซับซ้อน มีหลากหลายเฉดทางอารมณและความรู้สึก คืออยากยืนปรบมือให้ 30 นาที กับการตีโจทย์จากบท คือเราดูแล้วเรายังคิดเลยว่าในหัวต้องคิดอะไรอะอยู่ถึงแสดงได้ดีขนาดนั้น

คือกล้าพูดว่านี่คือหนังที่ดีที่สุดของปีนี้ เท่าที่ได้ดู (ดูตอนปี 2018 ณ สิ้นเดือน เมษายน) คือไม่รู้จะติตรงไหน คือชื่นชม ผู้กำกับมาก ตีความออกมาดี

หลังดูจบให้ความรู้สึกคล้าย Boyhood คือรู้สึกว่าเราได้เฝ้าดูการเติบโตของคนหนึ่งคน ที่สิ่งรอบๆตัวเค้าดำเนินไป เค้าจะรับมือกับมันอย่างไร มีหลายอย่างที่เราควบคุมไม่ได้

และอีกอย่างที่ต้องกราบคือภาพ ที่ได้ คุณสยมภู มุกดีพร้อม ผู้กำกับภาพ ที่เคยกำกับภาพให้หนังของ ‘เจ้ย’ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล มานักต่อนักทั้ง สุดสเน่หา, แสงศตวรรษ รวมทั้ง ผลงานมาสเตอร์พีชอย่าง ลุงบุญมีระลึกชาติ ที่ก็เคยกวาดรางวัลมาอย่างมากมาย

ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบรยายว่าหนังดีแค่ไหน เอาเป็นว่าใครพลาดไปคือพลาดหนังดีๆไปเรื่องนึงเลยอะ ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีจะมีหนังแบบนี้อีก เรายกให้เรื่องนี้ดีงามต่อจาก From the Land of the Moon

ที่สำคัญเราว่าเป็นหนังที่ต้องอาศัยการตีความอยู่พอตัว คือดูแล้วต้องค่อยๆพินิจไปด้วย จะเห็นความหลากหลายทางความคิดของตัวละคร เราจะสัมผัสได้ถึงความสับสน พุ่งพล่าน อยู่รอบๆ เป็นระยะๆ