เรื่องทั้งหมดเริ่มจากที่เราถ่ายออกมาเป็นลิ่มเลือด
ช่วงค่ำของวันที่ 26 กันยายน 2564 รู้สึกปวดท้องเข้าห้องน้ำ พอเสร็จกิจ ลุกขึ้นมา สังเกตเห็นว่าในอุจจาระ มีลิ่มเลือด และพบว่าในชักโครก มีสีเลือด ปนอยู่
จากอาการที่เป็นรู้สึกอยากไปหาหมอ ทันที แต่ด้วยความที่เวลาดึกแล้ว จึงจำเป็นต้องรอ จนกว่าจะถึงวันรุ่งขึ้น
ระหว่างนี้ ก็พยายามค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ท ว่าเราเป็นอะไร ซึ่งมีข้อมูลหลายแบบ และการถ่ายแล้วมีลิ่มเลือด อาจเป็นมาจากหลายสาเหตุ แต่สิ่งที่สร้างความกังวลให้เรามากที่สุด คือ มะเร็งลำไส้
เพราะเรามีญาติที่เป็นมะเร็ง และเสียชีวิตไปแล้ว 1 คน และ ณ ตอนนี้ ป้าของเราก็กำลังสู้กับมะเร็งปอด
การรอคอยให้อีกวันมาถึงกลายเป็นเรื่องทรมานสำหรับเรามาก เพราะพอล้มตัวลงนอน ก็คิดไปต่างๆ นาๆ
มันออกคิดไม่ได้ว่า
หากเราเป็นมะเร็งขึ้นมา เราจะทำอย่างไรดี
…
ตอนนั้นคิดถึงแม่ น้อง พี่ๆ หลานๆ ขึ้นมาจับใจ
เราเพิ่งเข้าใจว่าทำไมป้าเราถึงอยากให้เราไปหา บ่อยๆ เพราะในช่วงเวลาแบบนี้
เราคิดฟุ้งซ่านไปไกล คิดเสียดายวันเวลา ยังไม่ได้ตอบแทนพระคุณแม่เลยเราจะต้องมาจากไปแล้วหรอ
เป็นห่วงน้องที่ยังดูเหมือนดูแลตัวเองยังไม่ได้
ยังอยากเห็นหลานๆ เติบโตไปเรื่อยๆ
มันอดคิดไม่ได้ว่าเราจะไม่ได้เห็นภาพพวกนั้นแล้วหรอ?
รู้สึกเสียดายวันเวลา 30 กว่าปีที่ผ่านมา ยังไม่ได้ทำสิ่งที่อยากทำให้หมดเลย
เป็นอีกครั้งที่รู้สึกว่าชีวิตของคนเรานั้นแสนสั้นและเปราะบาง
เรานอนไม่หลับเลย ในหัวคิดแต่เรื่องเหล่านี้ เคยคิดสงสัยป้าเราว่า มันจะเป็นไปได้หรอที่คนเรา จะต้องกินยานอนหลับทุกคืนเพื่อให้สามารถนอนหลับได้ เราเข้าใจมันอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว
นอนพลิกตัวไปมา ระหว่างนั้นแอบร้องไห้ออกมาบ้าง และเริ่มตระหนักรู้การกลัวตายขึ้นมา เคยมีช่วงชีวิตหนึ่งที่รู้สึกพอแล้ว กับชีวิต สามารถตายได้โดยไม่เสียดายอะไร พอเอาเข้าจริงกลับมีสิ่งที่อยากทำอีกมากมาย
รุ่งเช้ารีบอาบน้ำ ไปหาหมอ พอผ่านจุดคัดกรอง คุณพยาบาลก็แนะนำให้ไปยังจุดถัดไป “ขึ้นชั้น 2 เลี้ยวซ้ายเดินไปสุดมือ”
แล้วที่เจอคือ

หัวใจสั่นรัว ตกไปอยู่ตาตุ่ม พลางคิดว่าเป็นไงเป็นกัน
คุณพยาบาล : มาตรวจอะไรคะ
เรา : ถ่ายเป็นเลือดครับ
คุณพยาบาลมองดูเอกสารแล้วบอกว่า มาผิดแผนกน่ะ เดินออกไปแล้วเลี้ยวซ้ายนะ
รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
และตอนนี้กำลังรอหมอแผนกศัลยกรรม เดี๋ยวเรามาดูกันว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร